ข้อมูลทางพฤกษศาสตร์
ชื่อสามัญ : Tree bean
ชื่ออื่น ๆ : กะเหรี่ยง kariang (Peninsular) นะกิง na-king (Malay-Peninsular) นะริง na-ring (Malay-Peninsular) เรียง riang (Peninsular) สะเหรี่ยง sariang (Peninsular) เหรียง riang (Peninsular)
วงศ์ : FABACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Parkia timoriana (DC.) Merr.
ชื่อพ้องวิทย์ : –
ลักษณะสำคัญ : เรือนยอดแผ่กว้าง เป็นไม้ผลัดใบช่วงสั้นๆ
ระบบนิเวศและการกระจาย : กระจายพันทางตะวันออกเฉียงเหนืออินเดีย บังคลาเทศ เมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ นิวกินี ในไทยพบที่ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ความสูงถึง 600 เมตร
การเพาะปลูก : เติบโดตได้ดีในดินที่อุดมสมบูรณ์ pH ช่วง 5-7 ค้างคาวช่วยผสมพันธุ์
การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด เมล็ดมีเยื่อหุ้มและงอกได้หลายสัปดาห์หลังจากหว่านเมล็ด เตรียมเมล็ดโดยปกติจะเทน้ำร้อนที่เกือบเดือดลงบนเมล็ดเล็กน้อย ระวังอย่าให้สุก แล้วแช่ในน้ำอุ่น 12-24 ชั่วโมง เมล็ดจะบวมและมีความชื้น ถ้ายังไม่ได้ให้ทำรอยฉีกบนเยื่อหุ้มเมล็ดอย่างระวัง แล้วแช่ต่ออีก 12 ชั่วโมง
ส่วนของพืชที่ใช้ประโยชน์ : เมล็ด เมล็ดเพาะงอก
แหล่งเก็บหา : สวนสมรม
เมนูอาหารผักยืนต้น
ลูกเหรียง หรือ หน่อเหรียง ได้จากเมล็ดแห้งนำมาเพาะงอก 4-5 วัน ลักษณะคล้ายถั่วงอกหัวโต รสมัน เนื้อแน่น ดองหรือกินสดเหนาะน้ำพริกก็ได้ หรือจะนำมาปรุงอาหารก็ได้หลากหลายเมนู ผัดเผ็ด แกงเผ็ด แกงกะทิ แกงส้ม เมนูยอดนิยมที่หลายท่านคงเคยกินแกงพริกกระดูกหมูกับหน่อเหรียง
ข้อมูลทางโภชนาการ
คุณค่าทางโภชนาการของเหรียงในส่วนที่รับประทานได้ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 88 แคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 6.7 กรัมแกงหมูลูกเหรียง
โปรตีน 7.5 กรัม
ไขมัน 3.5 กรัม
เส้นใยอาหาร 1.3 กรัม
น้ำ 79.6 กรัม
วิตามินเอ 22 หน่วยสากล
วิตามินบี 1 0.06 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.62 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.1 มิลลิกรัม
วิตามินซี 83 มิลลิกรัม
ธาตุแคลเซียม 182 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 2.0 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 3.8 มิลลิกรัม
แหล่งที่มา : กองโภชนาการ กรมอนามัย. ตารางแสดงคุณค่าอาหารไทยในส่วนที่กินได้ 100 กรัม
สรรพคุณทางยา
การใช้ประโยชน์อื่นๆ
- ให้ร่มเงาในสวนกาแฟและเรือนเพาะชำ
- ฝักตำกับน้ำใช้สระผม